บาสเกตบอล (Basketball)
เป็นกีฬาที่เล่นในทีม ซึ่งเป็นที่นิยมและนับเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก การเล่นบาสเกตบอลต้องใช้ทักษะในการควบคุมลูกบอล การโจมตีและการป้องกัน การเล่นกีฬานี้ส่งผลดีต่อการพัฒนากายภาพ สมอง และทักษะในการทำงานร่วมกับทีม

นอกจากนี้ ยังเป็นกีฬาที่มีกฎเกณฑ์และกติกาที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้คือวิธีการเล่นบาสเกตบอล:

  1. ทีมและผู้เล่น: กีฬาบาสเกตบอลเล่นในทีม 2 ทีม ซึ่งแต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่น 5 คน ซึ่งประกอบด้วย 2 สำรับสู่ 3 ผู้เล่น ซึ่งจะมีตำแหน่งที่ต่างกันคือ แก้ม (guard) และแก้มนำ (forward) และ กอสต์ (center)
  2. การเปิดเกม: การเริ่มต้นเกมใหม่ในบาสเกตบอลจะเริ่มต้นด้วยการโยนบอลเพื่อให้คนของทีมตรงข้ามได้รับการเปิดเกมในที่เรียกว่าการโยนเหรียญหรือการสล่องสิ่งของ
  3. การเล่นเกม: ทีมที่ได้รับลูกบอลต้องพยายามทำประตูโดยการโยนลูกบอลลงในตะกร้าเกมของทีมตรงข้าม ในขณะเดียวกันทีมตรงข้ามจะพยายามป้องกันไม่ให้ทีมตรงข้ามทำประตูได้ การทำประตูจะได้คะแนน คะแนนของทีมจะมาจากการทำประตูเข้าตามจำนวนลูกบอลที่โยนใส่ตะกร้าของทีมตรงข้าม
  4. จุดนับและการเปลี่ยนกัน: การเล่นบาสเกตบอลจะแบ่งเวลาการเล่นออกเป็น 4 นัด หรือที่เรียกว่า ควอเตอร์ (quarter) โดยในแต่ละควอเตอร์จะมีเวลาการเล่นประมาณ 10 นาที และหากสิ้นสุดควอเตอร์ทุกครั้งจะมีการพักสั้นๆ เมื่อสิ้นสุดเวลาการเล่นทุกครั้ง ทีมจะเปลี่ยนกันทำประตู
  5. ข้อตกลงอื่นๆ: ในการเล่นบาสเกตบอลยังมีกฎเกณฑ์และข้อตกลงอื่นๆ ดังนี้ เช่น การห้ามทำการเกินลูกบอล การห้ามใช้มือและแขนในการโจมตี การห้ามตีลูกบอลข้ามเส้น การห้ามยืนใต้ตะกร้าในขณะทำประตู เป็นต้น

การเล่นบาสเกตบอลต้องใช้ทักษะทั้งในการโจมตี การรับลูก การป้องกัน การเล่นร่วมกับทีมและกายภาพที่แข็งแรง เป็นต้น การเล่นบาสเกตบอลไม่เพียงแค่เป็นกีฬาคู่ค้าแต่ยังสร้างความสนุกสนานและความสนุกสนานให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมเล่นในทุกระดับของอายุและทักษะเล่น และยังเป็นกีฬาที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นและคอยติดตามการแข่งขันอย่างใกล้ชิด

บาสเกตบอล (Basketball)
เป็นกีฬาทีมที่เล่นอยู่ทั้งในระดับมืออาชีพและระดับสากล ซึ่งเป็นกีฬาที่นิยมและเป็นที่รักในหลายประเทศทั่วโลก กีฬานี้ถูกสร้างขึ้นโดย Dr. James Naismith ซึ่งเป็นครูอาจารย์ในสถาบัน YMCA ใน Springfield, Massachusetts, สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2452 (1891 คริสต์ศักราช)

การเล่นบาสเกตบอลในรูปแบบเกมที่เป็นที่นิยมประกอบด้วยสองทีมที่แต่ละทีมประกอบด้วย 5 นักกีฬา การแข่งขันมักจะเล่นในสนามที่มีเส้นที่ยาว 28 เมตร และกว้าง 15 เมตร ซึ่งมีวงเล็บครอบรอบที่สูงประมาณ 3 เมตร

วิธีการเล่น:

  1. การซ้อมควบคู่และรับลูก: เกมเริ่มต้นด้วยการโยนลูกที่เป็นบอลไปที่กึ่งกลางสนาม ทีมที่รับลูกกลางสนามจะต้องพยายามทำการโจมตีเพื่อทำประตูในฝั่งของทีมตรงข้าม
  2. การโจมตีและการป้องกัน: ทีมที่มีลูกส่งมาในฝั่งตรงข้ามต้องพยายามโจมตีเพื่อทำประตู ในขณะเดียวกันทีมที่ต้องป้องกันจะพยายามหยุดการโจมตีของทีมตรงข้ามและเอาลูกกลับมาโจมตีในฝั่งของทีมตรงข้าม
  3. การทำประตู: การทำประตูในบาสเกตบอลเกิดขึ้นเมื่อลูกทำการบุกเข้าสู่ตะเกียบที่มีขนาดประมาณ 46 ซม. x 61 ซม. ที่วางอยู่ที่ความสูงประมาณ 3 เมตร จุดที่ทำประตูเรียกว่า “บริง” ซึ่งทีมที่ทำประตูจะได้คะแนน
  4. ข้อบังคับอื่นๆ: ในบาสเกตบอลยังมีกติกาและข้อบังคับอื่นๆ ที่ต้องปฏิบัติเช่น การห้ามทำการเกินของผู้เล่นในทีม, การห้ามส่งลูกมาให้คู่แข่งโดยตรง, การกึ่งกลางลูกหลายครั้งต่อเนื่อง, การห้ามใช้มือและแขนในการโจมตี และข้อบังคับอื่นๆ อีกมากมาย

กีฬาบาสเกตบอลเน้นการโจมตีและการป้องกันอย่างรวดเร็ว และต้องใช้ทักษะทางกายภาพ ความเร็ว และความคิดสร้างสรรค์ในการเล่น การเล่นบาสเกตบอลไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนานและความตื่นเต้นให้กับนักกีฬาและผู้ชม แต่ยังเป็นกีฬาที่สร้างความแข็งแรงทางกายและสอนให้เรียนรู้ความรับผิดชอบและมีความสามัคคีในการทำงานร่วมกับทีมอีกด้วย

การเล่นบาสเกตบอลเป็นเกมที่มีกฎข้อบังคับที่เข้มงวด ดังนั้นเราจะสร้างภาพรวมของวิธีการเล่นเบื้องต้นให้ครับ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าบาสเกตบอลเล่นอย่างไร

  1. จำนวนผู้เล่น: บาสเกตบอลเล่น 5 คนต่อทีม ในสนามจะมีทีมละ 5 นักกีฬา แต่ยกเว้นในกรณีที่เล่นในรูปแบบชนิดใดชนิดหนึ่งที่กำหนดให้เล่น 3 คนต่อทีมหรือ 4 คนต่อทีม
  2. สนาม: สนามบาสเกตบอลมีขนาดเส้นที่ยาว 28 เมตร และกว้าง 15 เมตร ซึ่งมีวงเล็บรอบสนาม
  3. ลูกบาสเกตบอล: บาสเกตบอลมีขนาดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับช่วงวัย สำหรับผู้ใหญ่ ลูกบาสเกตบอลมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ในขนาด 29.5 นิ้ว (ประมาณ 75 ซม.)
  4. การเริ่มเกม: เกมจะเริ่มต้นด้วยการโยนลูกบาสเกตบอลไปที่กึ่งกลางสนาม ทีมที่รับลูกบาสเกตบอลจะเป็นฝ่ายโจมตี และทีมที่ต้องป้องกันจะเป็นฝ่ายป้องกัน
  5. การโจมตีและป้องกัน: ทีมที่โจมตีจะพยายามทำประตูในเครื่องตะเกียบที่กำหนดไว้ ในขณะที่ทีมที่ป้องกันจะพยายามหยุดการโจมตีของทีมตรงข้าม และเอาลูกบาสเกตบอลกลับมาโจมตีในฝั่งของทีมตรงข้าม
  6. การทำประตู: การทำประตูในบาสเกตบอลเกิดขึ้นเมื่อลูกบาสเกตบอลทำการบุกเข้าสู่ตะเกียบที่กำหนดไว้ ทีมที่ทำประตูจะได้คะแนน
  7. เวลาในการแข่งขัน: บาสเกตบอลมักจะเล่นในระยะเวลา 4 ไตรมาฟ (Quarter) โดยแต่ละไตรมาฟจะมีเวลา 10 นาทีในการเล่น โดยสามารถหยุดเวลาได้ในกรณีที่มีการหยุดของเกมเพิ่มเติม ส่วนในระหว่างไตรมาฟจะมีเวลาห้ามก่อนเริ่มต้นไตรมาฟถัดไป
  8. คะแนน: คะแนนในบาสเกตบอลจะนับตามจำนวนประตูที่ทำได้ โดยประตูที่ทำได้จะคิดคะแนนตามระดับที่ตะเกียบเสร็จสิ้น ระดับที่ตะเกียบนั้นมีค่าต่างกันขึ้นอยู่กับที่ทำประตู ระดับที่ตะเกียบเล็กจะมีค่าน้อยกว่าระดับที่ตะเกียบใหญ่
  9. การโยนลูกบาสเกตบอล: การโยนลูกบาสเกตบอลมีหลายรูปแบบ เช่น การโยนตามเส้น, การโยนต่อเวลา, การโยนทีมที่ตัวรับลูก และอื่นๆ
  10. ข้อบังคับอื่นๆ: ในบาสเกตบอลยังมีกติกาและข้อบังคับอื่นๆ ที่ต้องปฏิบัติเช่น การห้ามตะเกียบในบาสเกตบอล, การห้ามส่งลูกบาสเกตบอลให้คู่แข่งโดยตรง, การกึ่งกลางลูกบาสเกตบอลหลายครั้งต่อเนื่อง, การห้ามใช้มือและแขนในการโจมตี และข้อบังคับอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อบังคับเหล่านี้ทำให้บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่น่าสนุกและท้าทาย การเล่นบาสเกตบอลต้องใช้ทักษะทางกายภาพ ความเร็ว และความคิดสร้างสรรค์ในการเล่น การเล่นบาสเกตบอลไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนานและความตื่นเต้นให้กับนักกีฬาและผู้ชม แต่ยังเป็นกีฬาที่สร้างความแข็งแรงทางกายและสอนให้เรียนรู้ความรับผิดชอบและมีความสามัคคีในการทำงานร่วมกับทีมอีกด้วย การเล่นบาสเกตบอลนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมือใหม่หลายๆคน สามารถฝึกฝนเรียนรู้ไปกับการเล่นบาสเกตบอลได้ง่ายๆ การเล่นบาสเกตบอลจะแตกต่างกับกีฬาอื่นๆแต่จะคล้ายๆกับแฮนบอลที่เป็นกีฬาใช้มือจับโลกบอลเหมือนกัน

ซึ่งการเล่นกีฬาบาสเกตบอลนั้นต้องใช้มือเป็นส่วนหลักแต่ก็จะมีการวิ่งการใช้ขาในการออกแรงต่างๆ ดังนั้นการที่ต้องเล่นบาสเกตบอลต้องออกกำลังกายด้านร่างกายเป็นอย่างมากเพราะจะช่วยให้ขยับตัวได้ง่ายขึ้นทำอะไรได้ง่ายขึ้นกว่าการเล่นกีฬาอื่นๆ

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *